The Wave coffee trend 2020
หากเราลำดับกาแฟออกตามยุคสมัยและวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ จะแบ่งได้ดังนี้
ยุคแรก หรือ 1st.Wave
(ค.ศ.1960 จนถึง ค.ศ. 1980) คือยุคที่การทำกาแฟยังเป็นธุรกิจส่วนตัว และธุรกิจเล็กๆ ร้านกาแฟไม่แพร่หลายมากนัก
ยุคที่สอง หรือ 2nd.Wave
(หลัง ค.ศ 1980 จนถึง ค.ศ. 2000) คือยุคที่ธุรกิจกาแฟขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีเชนร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมายทั่วโลก
ยุคที่สาม หรือ 3rd.Wave
(หลัง ค.ศ. 2000 คนถึงปัจจุบัน) ยุคนี้ เป็นยุคที่กาแฟยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคกาแฟยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของเมล็ดกาแฟเป็นอย่างมาก จนเรียกยุคนี้ได้ว่า “Specialty Coffee”
Specialty Coffee ถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพกาแฟที่ไม่ชัดเจนมาตั้งแต่ปี 1974 โดยนักค้าขายชาและกาแฟ ในสหรัฐอเมริกา นามว่า Erna Knutsen (เกิดเมื่อ ค.ศ.1921)
นำมาสู่ข้อกำหนด และวิธีการประเมินกาแฟตามมาตรฐานของสมาคมกาแฟพิเศษแห่งอเมริกา (Specialty Coffee Association of America) SCAA ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1982
เมื่อเรื่องของคุณภาพกาแฟเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจกาแฟโลก จึงมีการจัดตั้งสถาบัน Coffee Quality Institute หรือ CQI ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1996 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประเมินคุณภาพกาแฟให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อจัดการเรียนการสอบ Q Grader ทั้งนี้มีแบ่งเป็น Q Arabica Grader และ Q Robusta Grader ซึ่งในปัจจุบันนั้นมี Q Grader จากทั่วโลกประมาณเกือบ 6,000 คน
ว่ากันว่ารุ่น Generation เราอาจจะไม่ทัน 4th Wave แต่บางคน ก็ให้คำนิยามที่ยังไม่ถึงคลื่นลูกที่ 4 แต่ว่าล้ำกว่า ไปไกลกว่ายุคที่ 3 โดยมีการเรียกศัพท์นั้นว่า New Wave หรือ Artisan Wave เป็นยุคของผู้ดื่มที่จะพิถีพิถันใส่ใจในรสชาติ (Sensory) มากกว่าการได้ประสบการณ์จากการชง เหมือนดั่งคลื่นแห่งยุคที่3 พูดง่ายๆว่า ยุคที่ 4 จะใส่ใจในรสชาติมากกว่า ขอให้ชงยังไงก็ได้ขอให้ได้มีรสชาติที่ดีของกาแฟ
Specialty Coffee นั้น ต้องไม่มีข้อบกพร่องในเมล็ดกาแฟสาร (SCA Green Coffee Defect) และต้องได้คะแนนการประเมินคุณภาพกาแฟหลังการคั่วด้วยวิธีการคัปปิ้ง (SCA Cupping Protocols) ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไป (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) โดยการประเมินของ Q Grader จำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน
ผู้ที่สอบผ่านหลักสูตร Q Grader จะได้รับใบอนุญาตจาก CQI ว่าเป็นผู้มีความสามารถในการประเมินคุณภาพกาแฟ (Green Bean) และจะต้องสอบเพื่อวัดการประเมินการต่อใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์ทุกๆ 3 ปี ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับ Q Grader คือการเทียบเคียงมาตรฐานการประเมินกาแฟ หรือ Calibration ให้สม่ำเสมอนั่นเอง
ผู้ที่เหมาะแก่หลักสูตร Q Grader จึงได้แก่
- Plant Grower (เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ)
- Processor (ผู้แปรรูปกาแฟ)
- Buyer / Importer / Exporter (ผู้ค้าขาย / นำเข้า และส่งออกเมล็ดกาแฟ)
- Roaster (นักคั่วกาแฟ)
- Barista / Coffee Shop Owner (บาริสต้าหรือเจ้าของร้านกาแฟ)